ปัญหา ความขัดแย้งทางการเมืองที่แพร่ไปทั่วโลกนั้น ทำให้นักลงทุนหลายประเทศมีการชะลอการลงทุนในไทย ถึงแม้ว่าไม่ได้เปลี่ยนใจที่จะมาลงทุนในระยะยาวก็ตาม ขณะเดียวกันก็จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลไม่เป็นไปตามปกติ คือแทนที่รัฐบาลจะทุ่มกำลังทั้งหมดให้กับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ กลับต้องมาพะวงกับการแก้ปัญหาม็อบ และฝ่ายค้าน นี่ก็เป็นความเสียหายอีกแบบหนึ่ง ท่านนายห้างบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา เจ้าสัวเครือสหพัฒน์ มองว่า วิกฤตการเงินโลกไม่ใช่ปัญหาหลักของไทย ในทางกลับกัน ไทยจะหาประโยชน์จากวิกฤตโลกได้ด้วยซ้ำ ถ้าหากเป็นวิกฤตการณ์ที่เป็นปัญหาทั่วโลกนั้น ท่านบุณยสิทธิ์ บอกว่า มีอยู่ 3F คือ F – การเงิน, F – อาหาร, และ F – น้ำมัน ถ้าเป็น F – การเงิน ในปี 2540 หรือยุคต้มยำกุ้ง ประเทศไทยได้ผ่านพ้นมาแล้ว คล้ายๆ กับว่าไทยมีวัคซีนอยู่ในตัวแล้ว จึงไม่มีปัญหาในส่วนนี้ ส่วน F – อาหาร ประเทศไทยมีอาหารเยอะ ได้เปรียบในเรื่องนี้ เพราะเราสามารถเป็นครัวของโลกได้ หากบริหารด้าน Supply ให้ดีๆ แต่ F – น้ำมัน ทั่วโลกมีปัญหาเหมือนกันหมด เรากระทบ คนอื่นก็กระทบด้วย เพียงแต่ว่าประเทศไทยกระทบหนักหน่อย เพราะคนไทยใช้น้ำมันทำทุกอย่าง แต่โชคดีที่เมืองไทยสามารถผลิตไบโอดีเซล และก๊าซธรรมชาติมาทดแทนน้ำมันได้ ฉะนั้นก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตในครั้งนี้มากนัก ผู้เขียนมองว่าหากนักการตลาดมีการวางแผนกลยุทธ์ให้ดี ปีนี้ ก็น่าจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าท่านไม่รีบปรับตัวในการทำงาน สำหรับคนที่เป็นลูกจ้าง หากไม่ขยันให้มากขึ้นท่านก็อาจเจอ 3 F เช่นกัน แต่ 3 F ในที่นี้ไม่ใช่ 3 F ของท่านบุณยสิทธิ์ แต่เป็น 3 F ของผมคือ F – Freeze คือท่านอาจถูกแช่แข็ง งดการปรับเงินเดือน และโบนัส F – Force คืออาจถูกบีบบังคับให้ลาหยุดโดยไม่ได้เงินเดือน หรือ Leave without pay F – Fired คือในที่สุดท่านอาจถูกไล่ออก ก็ได้ (กลยุทธ์การตลา�)

นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ช่วงไฮซีซันนี้ในขณะนี้มีอัตราเข้าพักโรงแรมเฉลี่ย 60-70% จากปกติที่มีประมาณ 80-85% ซึ่งยังไม่ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเลย์ออฟในช่วงนี้ แต่หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นถึงช่วงโลว์ซีซันเดือนเมษายนอาจต้องเลย์ออฟพนักงาน ซึ่งสอดคล้องกับแหล่งข่าวระดับสูงจากผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในระดับ 5 ดาว เผยว่ากาชะลอตัวด้านการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นช่วงเข้าสู่ไฮซีซันแต่อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับ 5 ดาวในกรุงเทพฯปัจจุบันยังอยู่ที่ 35-40% ทั้งๆที่ปกติเคยไม่ต่ำกว่า 80% สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นสัญญาณลบต่อการธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้ในขณะนี้เกือบจะทุกโรงแรมต้องลดภาระค่าใช้จ่ายด้านแรงงานลงโดยจะไม่มีการจ้างงานใหม่ แทนตำแหน่งที่ขาด แต่จะใช้การฝึกทักษะให้พนักงานสามารถทำงานได้มากกว่า 2 หน้าที่ขึ้นไป เช่น พนักงานดูแลห้องพัก ก็ให้มาเสิร์ฟอาหารได้ หรือการเปิดโครงการ Leave without pay(ยังคงสถานภาพของพนักงานไว้ได้ แต่ให้ลาหยุดหรือหยุดงานไปได้โดยไม่ได้รับค่าจ้าง),การงดรับพนักงานชั่วคราวในตำแหน่งContact Service (พนักงานทำความสะอาด)แต่ให้พนักงานประจำทำหน้าที่แทน (เงินเดือนคนเช�)

กรณีพนักงานมหาวิทยาลัยที่ได้รับอนุญาตให้ลาเกินสิทธิการลา ให้ถือเป็นการลาโดยไม่ได้รับเงินเดือน (mahidol)

เนื่องจากพนักงานขอleave without pay....เพื่อเตรียมตัวสอบปริญญาโท เป็นเวลา 1 เดือน ใน case นี้ ควรแนะนำให้ใช้สิทธิ์การลาแบบไหนดีคะ..ระหว่าง Leave without Pay กับ ลาเพื่อการศึกษาอบรม (หมายเหตุ: ตามคู่มือพนักงาน ได้ระบุไว้ว่า อนุญาตให้พนักงานลาเพื่อการศึกษาได้ไม่เกิน 3 ครั้ง/ปี รวมแล้วไม่เกิน 30 วัน (ถึงจะจ่ายเงินเดือนให้) หากลาเกินกำหนด บริษัท จะไม่จ่ายเงินเดือนในส่วนที่เกินนั้น) (nationejobs)